
ระเบียบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ปี 52 หรือชื่อเต็มๆ อย่างเป็นทางการก็คือ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 ก็บอกไว้นะครับ กรณีผู้สูงอายุย้ายที่อยู่ ในเว็บดังๆ ก็เคยมีคนเขียนไว้หลายครั้งหลายครา และบรรดานักพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองก็รับรู้รับทราบผ่านทางการอบรมที่ชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (แห่งประเทศไทย) จัดเป็นประจำ เอ หรือว่ามันไม่ชัดเจน
ระเบียบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ปี 52 กรณีผู้สูงอายุย้ายที่อยู่




ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 ข้อ 8 บอกไว้ว่า “ในกรณีผู้สูงอายุที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหนึ่ง ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เคยจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดิมยังคงจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจนกว่าจะสิ้นสุดปีงบประมาณนั้น หากมีความประสงค์จะรับเบี้ยยังชีพกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งใหม่ ต้องไปลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งใหม่ก่อนสิ้นปีงบประมาณ”
ข้อความนี้ นักพัฒนาชุมชนหลายต่อหลายคนตีความว่า เมื่อมีผู้สูงอายุย้ายภูมิลำเนา ย้ายที่อยู่แบบย้ายทะเบียนบ้านที่ส่วนมากจะเป็นการย้ายปลายทาง ต้นทางจะตัดการจ่ายเบี้ยยังชีพทันทีเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ เช่น ผู้สูงอายุย้ายออกจาก อบต. กอไก่ ในเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งเป็นปีงบประมาณ 2560 อบต. กอไก่ จะจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายนี้ไปจนถึงเดือนกันยายน 2560 ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2560 ตามข้อความในระเบียบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ปี 52 ที่บอกว่า “ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เคยจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดิมยังคงจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจนกว่าจะสิ้นสุดปีงบประมาณนั้น”
เมื่อผู้สูงอายุท่านนี้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่อื่น ท่านจะต้องไปลงทะเบียนยื่นความจำนงเพื่อขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งใหม่ (ในตัวอย่างนี้คือ อบต. ขอไข่) ที่ท่านย้ายเข้าไปอยู่ในเดือนพฤศจิกายน 2560 ซึ่งเป็นการยื่นความจำนงขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของปีงบประมาณ 2562 แล้วในปีงบประมาณ 2561 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 จนถึงเดือนกันยายน 2561 ชื่อของผู้สูงอายุท่านนี้ยังมีอยู่ในระบบสารสนเทศเบี้ยยังชีพที่กรมจะจัดสรรเงินอุดหนุนมาให้ อบต. กอไก่ แต่ อบต. กอไก่ ไม่จ่ายท่านต่อ ผู้สูงอายุท่านนี้จะรับเงินเบี้ยยังชีพจากที่ไหนล่ะ ท่านนักพัฒน์ลืมข้อนี้หรือเปล่า
แนวทางการปฏิบัติในการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามระเบียบ ปี 52




เมื่อปี 53 มัหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0891.3 / ว 2500 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2553 ออกมาบอก แนวทางการปฏิบัติในการจ่ายเงินตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2553 (ในบทความนี้ขอคุยเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอย่างเดียวครับ) เพื่อบอกพวกเราว่า
ระเบียบ ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 14 เป็นการกำหนดคุณสมบัติและกำหนดเรื่องการขึ้นทะเบียนใหม่ รวมถึงการแจ้งย้ายที่อยู่ของผู้มีสิทธิ เพื่อให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถรับเงินได้ต่อเนื่องตรงตามระยะเวลาที่ผู้สูงอายุท่านนั้นมีสิทธิตามปีงบประมาณนั้น และไม่ให้มีการจ่ายเงินซ้ำซ้อน ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเมื่อได้รับการแจ้งย้าย และแจ้งการขึ้นทะเบียนใหม่แล้ว ต้องรวบรวมไว้เพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อ พร้อมทั้งรายงานจำนวนผู้มีสิทธิในรอบของการรายงานปีนั้นทั้งหมด ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นดำเนินการจัดทำคำของบประมาณในแต่ละปี (ปัจจุบันเป็นการรายงานในระบบสารสนเทศเบี้ยยังชีพและปริ๊นซ์นำส่ง)
ดังนั้น เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการจัดสรรเงินในปีงบประมาณแล้ว แม้ผู้มีสิทธิ (ผู้สูงอายุ) ได้ย้ายไปก่อนหรือระหว่างปีงบประมาณนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังคงต้องจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิดังกล่าวต่อไปจนสิ้นปีงบประมาณ เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รายงานบุคคลที่มีสิทธิมายังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ จะได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับบุคคลนั้นในปีที่ของบประมาณ
ตามตัวอย่างที่ยกมา อบต.กอไก่ ได้ส่งบัญชีรายชื่อและรายงานจำนวนผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ของปีงบประมาณ 2561 ไปให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นผ่านอำเภอและจังหวัดไปเมื่อ (ประมาณเดือน) ธันวาคมคม 2559 แล้ว เพราะฉะนั้น ถึงแม้ผู้สูงอายุท่านนี้จะย้ายจาก อบต.กอไก่ ไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 อบต.กอไก่ยังต้องคงจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุท่านนี้ต่อไป เพราะได้ของบประมาณของปีงบ 2561 ไปแล้ว ตามข้อความ “เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รายงานบุคคลที่มีสิทธิมายังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ จะได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับบุคคลนั้นในปีที่ของบประมาณ”
นอกจากนี้ยังมีหนังสือสั่งการอื่นอีกที่แจ้งมาประมาณนี้แหละครับ ประมาณว่าเมื่อมีผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพย้ายภูมิลำเนาออกไปจากพื้นที่ ให้ที่เดิมจ่ายต่อไปก่อนตามที่เราได้รับการจัดสรรงบประมาณมา แล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป ถ้าระเบียบนี้ไม่โดนแก้ไขซะก่อน (ฮา)


นักพัฒนาชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รองประธาน ชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (แห่งประเทศไทย)
ลูกของแม่ และเพื่อนของท่าน