ผู้ป่วยเอดส์ติดคุก – สามารถรับเงินเบี้ยยังชีพได้หรือไม่ กับคำถามนี้ที่ถามกันมาตั้งแต่ทราบว่า คนพิการติดคุกสามารถรับเงินเบี้ยความพิการได้ ตามหนังสือหารือโคราชเมื่อไม่นานปีมานี้
คราวนี้มีผู้ป่วยเอดส์ติดคุก ก็มีหนังสือหารือเหมือนกันครับ หนังสือหารือจากจังหวัดนครสวรรค์หารือเกี่ยวกับการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์ที่ติดคุกอยู่
ผู้ป่วยเอดส์ติดคุก ลงทะเบียนขอรับเบี้ย
ผู้ป่วยเอดส์คนนี้ติดคุกอยู่เรือนจำกลางนครสวรรค์ และได้ยื่นเรื่องลงทะเบียนกับเทศบาลนครนครสวรรค์ผ่านทางเรือนจำกลางว่า ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์ โดยแนบเอกสารหลักฐานมาอย่างถูกต้อง เช่น ใบรับรองแพทย์ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน (ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนจำแล้ว) และเอกสารหลักฐานอื่นๆ
ทางเทศบาลนครนครสวรรค์เห็นว่าไม่สามารถรับลงทะเบียนได้ (ซึ่งผมคาดว่าน่าจะมีความเห็นเหมือนกับหลายๆ ท่านที่มีข้อถกเถีงกันมาตลอดคือ ระเบียบปี 48 กับคำว่า ขาดผู้อุปการะ ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ และอื่นๆ)
จึงได้ทำหนังสือหารือมาที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งกรมฯ ได้ตอบกลับมาตามหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท 0810.6/ว 751 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เรื่อง แจ้งแนวทางปฏิบัติการขอรับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพของผู้ป่วยเอดส์ที่ต้องโทษจำคุก
หารือแนวทางปฏิบัติ
หนังสือฉบับนี้บอกว่า จังหวัดนครสวรรค์ขอหารือเกี่ยวกับการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์ของผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำ ซึ่งเรือนจำกลางนครสวรรค์ขอให้เทศบาลนครนครสวรรค์ พิจารณาตรวจสอบแล้วก็ลงทะเบียนให้แก่ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำกลางนครสวรรค์ ซึ่งป่วยเป็นโรคเอดส์ และมีความประสงค์ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์
เทศบาลนครนครสวรรค์พิจารณาจากระเบียบการจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้ป่วยเอดส์ปี 2548 และหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท 0891.3/ว 1545 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 มีความเห็นว่า ไม่สามารถรับลงทะเบียนและจ่ายเบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์ให้กับผู้ป่วยเอดส์รายนี้ได้ จึงขอหารือว่า ความเห็นนี้ถูกต้องหรือไม่
ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาแล้วเห็นว่า ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 กำหนดให้ ภูมิลำเนาของผู้ที่ถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล หรือตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฏหมาย ได้แก่เรือนจำ หรือ ทัณฑสถานที่ถูกจำคุกอยู่ จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว
และระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548 ข้อ 6 กำหนดให้ผู้มีสิทธิจะได้รับเงินสงเคราะห์ผู้ป่วยเอดส์ต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ หรือถูกทอดทิ้ง หรือขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู หรือไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้
ประกอบกับ กระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือแจ้งแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ การรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กรณีผู้สูงอายุต้องโทษจำคุก ว่า พิจารณาจากกฏกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 ส่วนที่ 6 การอนามัยและการสุขาภิบาล หมวด 2 อนามัยของผู้ต้องขัง ข้อ 70
กำหนดให้ จ่ายเครื่องนุ่งห่มหลับนอนให้แก่นักโทษเด็ดขาดตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด หมวด 3 การรักษาพยาบาล ข้อ 72 กำหนดให้เรือนจำทุกแห่งจัดให้มีสถานพยาบาลเพื่อเป็นการรักษาพยาบาลผู้ต้องขังที่ป่วย
หมวด 4 การเลี้ยงอาหาร ข้อ 77 กำหนดให้ผู้ต้องขังได้รับประทานอาหารอย่างน้อย 2 มื้อคือเช้าและเย็น เป็นการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เรื่องกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ไม่ถือเป็นการได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ จึงมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ดังนั้น ผู้ป่วยเอดส์ที่ต้องโทษจำคุกในเรือนจำ จึงมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์เช่นเดียวกัน
โดยเทศบาลนครนครสวรรค์ ต้องตรวจสอบสภาพผู้ต้องโทษจำคุกให้ได้ข้อเท็จจริงที่มีความชัดเจนก่อนว่า มีคุณสมบัติตามข้อ 10 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548
หากปรากฏว่า ผู้ต้องโทษจำคุกก่อนเข้าเรือนจำ มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ ขณะอยู่ในเรือนจำก็มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ตามเดิม
คนที่เคยเข้ารับการอบรมกับ ชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (แห่งประเทศไทย) และ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คงจะคุ้นๆ กับคำตอบตามหนังสือหารือฉบับนี้กันนะครับ เพราะวิทยากรของเราบอกเล่าเรื่องนี้ไว้อย่างดีเยี่ยมในการบรรยายแต่ละครั้ง แต่ละรอบ
จำได้มั้ยครับ วิทยากรบอกว่า ถ้าผู้ป่วยเอดส์ติดคุกที่จังหวัดไหน ให้ดูว่าคุกหรือเรือนจำจังหวัดนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใด เช่น เรือนจำกลางอุดรธานีอยู่ในเขตของเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกันนะครับ เรือนจำกลางประจำจังหวัดอาจไม่ได้อยู่ในเขตเทศบาลนครก็ได้
ทำไมถึงต้องดู ก็เพราะว่า ถ้าเขาติกคุก ชื่อในทะเบียนบ้านของเขาจะย้ายมาอยู่ในเขตที่คุกหรือเรือนจำนั้นอยู่ทันที เพราะฉะนั้น พื้นที่เดิมเมื่อเขาย้ายออกมา (เพราะติดคุก) ก็ต้องหมดสิทธิรับเบี้ยผู้ป่วยเอดส์ทันที
เมื่อต้องการได้รับเบี้ยต่อไป ก็ต้องมายื่นขอใหม่ ซึ่งตามระเบียบเราต้องยื่นขอที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เรามีภูมิลำเนา ในกรณีติดคุกผมบอกไปแล้วว่า ชื่อในทะเบียนบ้านจะย้ายมาอยูที่เรือนจำ ก็ต้องไปยื่นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เรือนจำอยู่ในพื้นที่
เมื่อยื่นความจำนงขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์ไปแล้ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นมีหน้าที่ไปตรวจสอบความเป็นอยู่ของผู้ยื่นคำขอว่า มีความเดือนร้อนจนไม่สามารถยังชีพได้หรือไม่ มีผู้ดูแลอุปการะมั้ย ซึ่งการเข้าไปตรวจสอบในคุกนั้น เรือนจำเขาไม่ให้เข้าไปหรอกครับ ทีนี่เมื่อเข้าไปที่เรือนจำไม่ได้ เราก็ไปตรวจสอบข้อมูลที่ภูมิลำเนาเก่าของผู้ป่วยเอดส์ก่อนที่เขาจะติดคุกก็ได้
ที่สำคัญคือ นายกจะให้เราไปมั้ยเท่านั้นเอง
ตัวอย่างเช่น มีผู้ป่วยเอดส์จากจังหวัดมหาสารคาม มาทำความผิดและติดคุกที่จังหวัดอุดร เมื่อย้ายมาติดคุกที่อุดร ทะเบียนบ้านย่อมมาอยู่ที่อุดรครับ (เรือนจำ) ทางมหาสารคามเขาตัดสิทธิเบี้ยยังชีพเอดส์แน่นอนครับ เมื่ออยากได้เบี้ยต่อก็ต้องยื่นคำขอใหม่ที่เทศบาลนครอุดร เพราะเรือนจำอุดรอยู่ในเขตเทศบาลนครอุดร
เมื่อเทศบาลนครอุดรรับเรื่องแล้วขอเข้าไปตรวจสอบในเรือนจำเขาไม่ให้เข้า สามารถขอนายกไปตรวจสอบที่ภูมิลำเนาเดิมก็ได้ครับ สมมติว่านายกไม่ให้ไป ไม่มีข้อมูล ไม่จ่ายได้มั้ย ได้ครับ
อ่าน แนวทางการปฏิบัติการขอรับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพผู้ป่วยเอดส์ที่ต้องโทษจำคุก ที่นี่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ผู้สูงอายุติดคุก สามารถรับเบี้ยยังชีพได้หรือไม่
นักพัฒนาชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รองประธาน ชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (แห่งประเทศไทย)
ลูกของแม่ และเพื่อนของท่าน