ขับรถทางไกล ควรพักตอนไหนและนานขนาดไหน เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ ซึ่งตัวผมเองไม่ค่อยได้ขับรถทางไกลสักเท่าไร ต้องบอกก่อนว่า คำว่าทางไกลของผมคือ สถานที่แห่งนั้นขับรถนานเกิน 6 ชัวโมง ผมถือว่าไกล
อย่างเมื่อวันหยุดยาวที่ผ่านมาผมขับรถจากพิจิตรไปอุบล ใช้เวลาเดินทางนาน 10 ชั่วโมง
ผมต้องไปใช้บริการหาความรู้จากกูเกิ้ลว่า การขับรถทางไกลอย่างนั้น ผมควรพักรถ พักคน ตอนไหน พักแต่ละครั้งใช้เวลาเท่าไรจึงจะเหมาะสม ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกของตัวเองอ่ะนะ
อันดับแรกเลยคือ เปลี่ยนลมยางรถเป็นไนโตรเจนครับ เนื่องจากว่า เป็นการเดินทางในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ร้อนมาก อุณหภูมิแต่ละวันทะลุ 40 องศา เพราะฉะนั้นถนนร้อนอยู่แล้ว วิ่งรถยาวๆ อันตรายครับ
ผมพักรถทุก 3 ชั่วโมงครับ ประมาณนั้นผมรู้สึกปวดเยี่ยวพอดี ซึ่งตรงกับที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การขับรถทางไกลควรพักทุกๆ 2-3 ชั่วโมง แล้วการหยุดพักครั้งหนึ่งควรพักประมาณ 10-15 นาที ซึ่งบางครั้งมันไม่ถึงหรอกครับ
การที่เขาบอกให้พักประมาณ 10-15 นาทีนั้นก็เพื่อให้เราคนขับรถได้พักร่างกาย และให้รถได้พักเครื่องยนต์ไม่ให้ทำงานหนักเกินไปด้วย ปัญหาต่อมาที่คนกังวลคือ ถ้าเดินทางคนเดียว แล้วเราดับเครื่องรถเพื่อเข้าห้องน้ำมันจะมีผลกับรถเราในระยะยาวมั้ย
ผมใช้วิธีนี้ครับ พอจอดรถที่ปั้ม ผมจะดูมือถือ ตรวจสอบข่าวจากเพื่อนๆ ซะก่อน ถือว่าเป็นการพักรถก่อนดับเครื่องเพื่อไปเข้าห้องน้ำด้วย ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีหรือบางครั้งอาจไม่ถึงก็เสร็จเรียบร้อย
ผมใช้รถกระบะ เครื่องยนต์ดีเซล เพราะฉะนั้นก่อนดับเครื่องควรจะเดินเบาก่อนสักครู่ คำว่าสักครู่ก็ประมาณ 5 นาทีนั้นแหละครับ แล้วค่อบดับเครื่องยนต์เพื่อไปทำธุระของตัวเอง
แต่ถ้าเราเดินทางไปหลายคนก็สะดวกหน่อย ใช้วิธีเปลี่ยนกันไปเข้าห้องน้ำ
ขับรถทางไกล สิ่งที่ไม่ควรลืม
ไม่ว่าจะเป็นการขับรถทางไกล หรือทางใกล้ สิ่งที่ไม่ควรลืมคือ การทำประกันรถยนต์ ภาคสมัครใจครับ
เวลาเราไปต่อภาษีประจำปี สิ่งที่ขนส่งบังคับคือ พรบ. ครับ สิ่งที่เขาไม่ได้บังคับคือประกันภัยรถยนต์ ที่เขาเรียกว่า ประกันภาคสมัครใจครับ ไม่ว่าจะชั้น 1 ชั้น 2+ ชั้น 3+ ชั้น 2 หรือชั้น 3
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เหมาะสำหรับรถใหม่ป้ายแดง รถที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี รถที่คนขับเป็นมือใหม่ไม่มีประสบการณ์ในการขับรถ และรถที่ใช้งานเป็นประจำ ประกันชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุมหมดเลยนะครับ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานเป็นประจำ ซึ่งอายุของรถอาจจะมากกว่า 5 ปีแล้ว หรือเอาง่ายๆ ถ้ารถที่ต้องตรวจสภาพเวลาไปต่อภาษีอ่ะใช้แบบนี้เลย ราคาประกันถูกกว่าชั้น 1 แต่ความคุ้มครองต่างกันเพียงเล็กน้อย คือถ้าเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีจะไม่คุ้มครอง
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ เหมาะกับรถเก่าที่มีอายุมากกว่า 7 ปีครับ ส่วนชั้น 2 กับ 3 เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันแล้วครับ ถ้าจะทำประกันรถยนต์ อย่างน้อยต้อง 3+ ครับ
ชอบแบบไหนเลือกได้ตามใจครับ พรบ. ก็ขายนะครับ ติดต่อมาได้
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
นักพัฒนาชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รองประธาน ชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (แห่งประเทศไทย)
ลูกของแม่ และเพื่อนของท่าน