การทำบุญ 5 วิธี ทำได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อให้ชีวิตดีขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจ

การทำบุญ คือ การเป็นผู้ให้   ให้อะไรก็ได้ครับ  ให้ความรัก  ให้โอกาส  ให้ความรู้  ให้การสงเคราะห์  ให้น้ำใจ  แม้กระทั่งเราให้อาหารมดแบบไม่ตั้งใจก็ได้บุญ  ทำไมผมถึงบอกว่าไม่ตั้งใจ  ก็มันไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เศษอาหารไปเป็นอาหารมดนี่ครับ  เราอาจจะลืมเก็บถ้วยจานที่เราทานข้าวเรียบร้อยแล้ว  และมีมดมากินเศษอาหาร  พระท่านบอกว่า นั่นก็ได้บุญเหมือนกัน

เห็นมั้ยครับว่า  การทำบุญไม่ได้หมายความว่า  ต้องซื้อของไปทำสังฆทานที่วัดเท่านั้น  การทำบุญไม่ได้หมายความว่า  นำอาหารไปถวายพระเท่านั้น  มันมีวิธีทำบุญได้อีกร้อยแปดพันเก้าวิธี  บางครั้งการทำบุญไม่ได้ใช้เงินเลยด้วยซ้ำ  เรามาดูกันครับว่า  การทำบุญมีวิธีการอย่างไรบ้าง

การทำบุญ  5  วิธี มีอะไรบ้าง

ข้อหนึ่ง  ดูแลพ่อ-แม่  รวมถึงปู่ย่าตายายด้วยนะครับ  พ่อแม่คือพระประจำบ้าน  ดูแลท่านอย่าทำให้ท่านเป็นทุกข์  ไม่ว่าจะทุกข์จากเรา  หรือทุกข์จากสิ่งอื่น  การทำให้ท่านมีความสุข  ท่านที่เป็นลูกรู้ดีที่สุดว่า  อะไรคือสิ่งที่พ่อแม่ของท่านมีความสุข  เมื่อรู้แล้วทำเถอะครับ  ความสุขบางอย่างไม่ได้ใช้เงินสักบาทด้วยซ้ำ

ปัญหาหนึ่งที่พบเห็นเป็นประจำ  คือ  คนที่ดูแลพ่อแม่ใกล้ชิดทุกวัน  มักจะรู้สึกว่า  พ่อไม่ไม่รักเราเท่ากับพี่น้องของเรา  คิดว่าพ่อแม่รักลูกที่อยู่ไกลตัวมากกว่าเราที่เป็นลูกอยู่ใกล้ตัวพ่อแม่  เมื่อความรู้สึกอย่างนี้เกิดขึ้นแล้วมันทำให้การปฏิบัติกับพ่อแม่มีช่องว่างขึ้น  เพราะฉะนั้นอย่าคิดมากเลยครับ  ท่านแสดงออกมาอย่างไรก็ปล่อยท่านไป  ถือซะว่ามันเป็นความสุขของท่าน

ข้อสอง  สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ  ใครๆ ก็ทราบว่า  การสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิก่อนนอน  หรือการสวดมนต์ในวันพระนั้น  อานิสงส์แรงกล้า  ได้รับผลบุญมากกว่าที่คิด  ไม่ว่าจะเป็นอานิสงส์ที่เกิดกับสุขภาพร่างกาย  หรืออานิสงส์ที่เกิดกับจิตใจ

อย่าลืมว่า  เมื่อเราสวดมนต์ไหว้พระและทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอมันจะเกิดผลดีกับจิตของเรา  จิตที่ทำให้อารมณ์ผ่องใส  ไม่โกรธใครง่าย  ไม่เครียด  ไม่โมโหหงุดหงิดง่าย  ร่างกายก็จะเกิดความสมดุล  เมื่อร่างกายสมดุลสุขภาพก็จะดี  นอกจากนี้ผู้ที่สวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำยังเป็นผู้ที่ได้อานิสงส์จากเทวดาอารักษ์  เจ้าป่าเจ้าเขา  สรรพสัตว์และวิญญาณทั้งหลายด้วย

การทำบุญ

ข้อสาม  ถือศีล  5  คงไม่ต้องอธิบายนะว่าทำไมถือศีล  5  จึงได้บุญ  ก็เพราะศีล  5  คือศีลพื้นฐานที่ชาวพุทธทุกคนควรยึดถือปฏิบัติเป็นหลักของชีวิต  ศีล  คือ  ความตั้งใจที่จะไม่ทำ  หรือตั้งใจที่จะงด  เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข  ชื่อก็บอกแล้วว่า  ศีล  5  ซึ่งเป็นหลักการในการดำเนินชีวิตปกติประจำวันของเรา  5  ข้อ  หรืออาจจะบอกว่าเป็นข้อห้ามไม่ให้กระทำก็ได้

ในปัจจุบันมันซับซ้อนมากนะครับ  การที่จะบอกว่าใครผิดศีลข้อไหน  การกระทำแบบไหนบ้างที่ถือว่าผิดศีล  ต้องมาพิจารณาดูเจตนาด้วย  เอาล่ะ  เรามาดูกันก่อนว่าศีล  5  ข้อมีอะไรบ้าง

1.ห้ามฆ่าสัตว์  องค์ประกอบในการพิจารณาว่า  ผิดศีลข้อนี้หรือไม่คือ

1.1 สัตว์มีชีวิต

1.2 รู้ว่าสัตว์มีชีวิต

1.3 จิตคิดจะฆ่า

1.4 เพียรเพื่อจะฆ่า

1.5 สัตว์ตายด้วยความเพียรนั้น

2.ห้ามลักทรัพย์ องค์ประกอบในการพิจารณาว่า ผิดศีลข้อนี้หรือไม่คือ

2.1 ของมีเจ้าของหวงแหน

2.2 รู้ว่ามีเจ้าของหวงแหน

2.3 จิตคิดจะลัก

2.4 เพียรเพื่อจะลัก

2.5 นำของมาด้วยความเพียรนั้น

3.ห้ามประพฤติผิดในกาม องค์ประกอบในการพิจารณาว่า ผิดศีลข้อนี้หรือไม่คือ

3.1 วัตถุที่ไม่ควรถึง (คือชายหรือหญิงที่มีเจ้าของ หรือมีผู้คุ้มครองดูแลรักษา)

3.2 จิตคิดจะเสพในวัตถุนั้น

3.3 พยายามที่จะเสพ

3.4 ทำมรรคต่อมรรคให้ถึงกัน

4.ห้ามโกหก องค์ประกอบในการพิจารณาว่า ผิดศีลข้อนี้หรือไม่คือ

4.1 เรื่องไม่จริง

4.2 จิตคิดจะพูดให้ผิด

4.3 พยายามพูดออกไป

4.4 คนอื่นเข้าใจเนื้อความนั้น

5.ห้ามดื่มสุราเมรัย องค์ประกอบในการพิจารณาว่า ผิดศีลข้อนี้หรือไม่คือ

5.1 ของทำให้เมามีสุราเป็นต้น

5.2 จิตใคร่จะดื่ม

5.3 พยายามดื่ม

5.4 ดื่มให้ไหลล่วงลำคอเข้าไป

เห็นมั้ยครับว่าองค์ประกอบของศีล  5  ไม่ได้น้อยเลย  เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่รักษาได้  ย่อมได้บุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา

(ที่มา องค์ประกอบพิจารณาศีล 5 https://imenn.com)

ข้อสี่  ฟังธรรม  พระท่านบอกว่า  กระจกเงาสะท้อนให้เห็นความสวยงาม  หรือความขี้ริ้วขี้เหร่ของร่างกายเราได้ฉันใด  การฟังธรรมก็สะท้อนให้เห็นถึงความดีงาม  หรือความบกพร่องของตัวเราได้ฉันนั้น  เพราะฉะนั้นเราควรหาโอกาสฟังธรรมชำระจิตใจอยู่เสมอ

หลวงปู่ชา  สุภัทโธ  เคยบอกไว้ว่า  ในสมัยก่อน  การฟังธรรม  เป็นการฟังธรรมเอาบุญ  ชาวบ้านไปวัดในวันพระ  ไปแล้วก็สมาทานศีล  อาราธนา  เทศน์  แล้วก็ฟังธรรม  รู้เรื่องบ้างบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง  ขอให้ได้ยินเสียงถือว่าได้บุญ  แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว

ปัจจุบันนี้ฟังธรรมเพื่อหาเหตุผล  ฟังเพื่อให้เกิดปัญญา  ว่าอะไรเป็นอะไร

ข้อห้า  ช่วยเหลือผู้อื่น  ข้อนี้รวมถึง  ยินดีกับผู้อื่นด้วยนะครับ  คนที่เต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น  ไม่ว่าจะยามที่เขาเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือแบบรีบด่วน  หรือว่าไม่ด่วนก็ตามทีมันได้บุญทั้งนั้น  ไม่ว่าช่วยบริจาคนับล้านหรือช่วยด้วยแรงกายแรงใจเท่าที่เรามี  ทำตามกำลังของเรานี่แหละครับ  ได้บุญเหมือนกัน โดยเฉพาะ  การยินดีกับผู้อื่นเมื่อเขาได้ดี  ไม่อิจฉาตาร้อน

อย่างที่พวกเรารวมกลุ่มกันในนาม  ชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (แห่งประเทศไทย)  เพื่อช่วยเหลือเพื่อนในแวดวงของพวกเรา  ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือในเรื่องงาน  หรือการช่วยเหลืออย่างอื่น  ก็จัดอยู่ในข้อนี้เหมือนกันครับ  เป็นการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมเพื่อสารณกุศล  ช่วยเหลือผู้ที่ไม่มี  ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส  ช่วยเหลือเด็กที่อยู่ในท้องถิ่นกันดาร

อย่างในกิจกรรมครบรอบ  16  ปีชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (แห่งประเทศไทย) ปี  2565  นี้  พวกเราจัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อไปช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษา  และหาอุปกรณ์ทางการศึกษาไปให้โรงเรียนบ้านท่าหลวง  ตำบลท่าหลวง  อำเภอท่าหลวง  จังหวัดลพบุรี

ซึ่งเจ้าภาพที่รับงานนี้มาดำเนินการคือ  ชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ภาคกลาง  ครับ

ทุนการศึกษา  และ อุปกรณ์ทางการศึกษา  ท่านที่สนใจทำบุญบริจาคได้ที่  กรรมการชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคกลาง  หรือติดต่อกรรมการ/ผู้ประสานงาน  ชมรมพัฒนาชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ภาคกลาง  ได้ทุกคน  หรือบริจาคผ่านทางธนาคาร  โดยโอนเงินไปที่  ธนาคารกรุงไทย  บัญชีเลขที่  984-3-81387-1  ชื่อบัญชี  ชมรมพัฒนาชุมชนภาคกลาง

บริจาคแล้วท่านจะได้อานิสงส์ของการทำบุญแบบนี้คือ  ข้อ  5  การช่วยเหลือผู้อื่น  เป็นการช่วยเหลือน้องๆ เด็กนักเรียนยากจนที่อยู่ทางภาคอีสาน  ซึ่งโดยปกติน้องๆ กลุ่มนี้  หรือกลุ่มอื่นในภาคอีสานมักจะไม่ได้รับโอกาสดีๆ อย่างนี้หรอกครับ  ส่วนมากที่เราได้ยินข่าวมักจะเป็นน้องๆ ทางภาคเหนือซะมากกว่า

จัดกิจกรรมมอบทุนการศึกษาและสิ่งของในวันอาทิตย์ที่  27  พฤศจิกายน  2565  เวลา  09.00 – 12.00  น.  ท่านที่สนใจร่วมทำบุญมาหน้างานเลยก็ได้ครับ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.