เราควรจะเสียใจนานแค่ไหน

เราควรจะเสียใจนานแค่ไหน

เราควรจะเสียใจนานแค่ไหน – คุณพ่อไม่ค่อยได้เข้าโรงพยาบาลสักเท่าไร เพราะฉะนั้นประวัติการรักษาพยาบาลจะไม่มีตามโรงพยาบาลที่คนรุ่นคุณพ่อฮิตๆ กัน

ซึ่งผมไม่รู้เหมือนกันว่า พ่อป่วยแล้วไม่ยอมไปหาหมอ หรือพ่อมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เคยป่วย เลยไม่ได้ไปหาหมอ

ผมจำได้ว่า พ่อไปหาหมอที่คลีนิคแล้วหมอเจอความดัน เลยแนะนำให้พ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพราะเครื่องไม้เครื่องมือมันเยอะกว่า ตอนนั้นพ่ออายุ 65 ปี ซึ่งพ่อเป็นกังวลมากที่เป็นความดัน

ผมได้แต่ปลอบพ่อว่า อายุขนาดนี้เป็นความดันไม่แปลกหรอก

นอกจากโรคประจำตัวอย่างความดัน (เบาหวานไม่เป็น) ที่ทำให้พ่อต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามหมอนัดเป็นประจำแล้ว อีกโรคหนึ่งที่พ่อเป็นเมื่อไม่นานมานี้ และเพิ่งจะหายคือ เก๊าท์

โดยรวมแล้ว ถือว่าพ่อสุขภาพแข็งแรง ในปี 2568 นี้พ่ออายุ 90 ปี (ยังไม่เต็ม)

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2568 พ่อตื่นมาแต่เช้าเหมือนเคย แล้วบ่นว่าเหนื่อย พี่สาวเลยพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ หมอตรวจเจอติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องส่งต่อโรงพยาบาลขอนแก่น พี่สาวเลยโทรบอกผม

ตอนนั้นผมกำลังแต่งตัวจะไปทำหน้าที่วิทยากร อบรมให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งนายก อบจ. และ สจ. ที่หอประชุมอำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร รอบที่สาม ซึ่งผู้ที่จะเข้าอบรมคือตำบลบึงบัว

ตอนแรกผมกะจะมาวันเสาร์ แต่แฟนบอกให้รีบมาเลย เพราะติดเชื้อในกระแสเลือดมันรุนแรง ผมเลยโทรลางานแล้วออกเดินทางทันที ทันมาเยี่ยมพ่อในตอนเย็นวันศุกร์นั้นเลย

ด้วยความที่พ่อหายใจเองไม่ได้หมอเลยใส่ท่อช่วยหายใจที่ปาก ทำให้พ่อพูดลำบากและเจ็บ แต่พ่อก็สื่อสารกับผมทางการเขียนใส่ผ่ามือ ถามอะไรก็ได้แต้พยักหน้ารับและส่ายหัว คือวันนั้นยังคุยกันรู้เรื่อง เบาใจไปเยอะเหมือนกัน

ตอนสามทุ่มกว่าๆ เกือบสี่ทุ่ม หมอโทรมาบอกว่า พ่ออาการแย่ ความดันลด เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่สะดวก ปอดก็ไม่ดี ต้องย้ายพ่อไปห้องไอซียู หมอเขาถามว่า ถ้าพ่ออาการแย่ลงให้ปั้มหัวใจมั้ย บอกหมอไปว่าไม่ปั้มครับ พ่อแก่แล้วผมกลัวพ่อเจ็บ (ร้องให้)

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 หมอแนะนำให้ทำบอลลูนเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ เลยเอาพ่อเข้าห้องผ่าตัด สามชั่วโมงในนั้นหมอทำไม่ได้เพราะเส้นเลือดพ่อเจาะไม่เข้า หมอถามว่า ให้ผ่าอกเพื่อต่อเส้นเลือดมั้ย ผมถามหมอคืนว่า ถ้าผ่าพ่อจะกลับมาเหมือนเดิมมั้ย หมอตอบว่า ไม่รับปาก อาจจะติดเตียงก็ได้ ผมเลยไม่ให้หมอผ่า (ร้องให้สงสารพ่อ)

ผมบอกหมอให้รักษาพ่อไปตามอาการละกัน

พ่อออกจากห้องผ่าตัดมาอยู่ที่ห้องไอซียูเหมือนเดิม ตอนเข้าเยี่ยม ผมคุยกับพ่อ เล่าเรื่องนั้น เรื่องนี้ให้พ่อฟัง หมอรักษาพ่อยังไง ใครมาเยี่ยมพ่อบ้าง ความรู้สึกผมเหมือนพ่อแกรับรู้ว่าผมคุยกับแกอยู่ เพียงแต่แกตอบโต้กับผมไม่ได้

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2568 อาการของพ่อเหมือนเดิมแบบเมื่อวาน ผมก็คุยกับแกเหมือนเดิมครับ โดยบอกแกเพิ่มเติมว่า ถ้าอาการของพ่อเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้จะขอกลับพิจิตรก่อนนะ แต่ก็พร้อมจะมาหาแกได้ทุกเมื่อ ไปส่งหลานเพื่อจะไปสอบวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2567 ตอนบ่ายผมเดินทางกลับพิจิตร หลังจากเข้าบอกพ่อว่ามีความจำเป็นอย่างไรในการเดินทางกลับพิจิตร แล้จะกลับมาหาพ่ออีกที่ในวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ หรือเมื่อพ่ออาการแย่ลง

ผมเดินทางถึงอำเภอหล่มสัก พี่สาวโทรมาบอกว่า พ่อตื่นขึ้นมาและมรสติ มีอาการเหมือนวันที่มาโรงพยาบาลวันแรก โดยสามารถพูดคุยกันได้ผ่านการเขียนใส่ผ่ามือ ผมได้ยินอย่างนี้ ผมคิดว่าพ่อมีโอกาสกลับบ้าน

และวันต่อมา พ่อก็มีอาการเหมือนเดิม พูดคุย สื่อสารกันผ่านการเขียนใส่ผ่ามือ

วันพุธที่ 29 มกราคม 2568 หมอแจ้งว่าจะถอดท่อเพื่อให้พ่อฝึกหายใจเอง ตอนเที่ยงหมอบอกให้ทำใจเพราะพ่อมีอาการแย่ลง

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568 หมอแนะนำว่าควรเอาพ่อออกจากห้องไอซียู เพราะถ้าอยู่ในไอซียูหมอจะให้ยากระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทำให้พ่อเหนื่อยและเจ็บ เลยตกลงกันว่าจะให้หมอจองห้องประคับประคองเพื่อย้ายพ่อไปอยู่

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568 พ่อตื่นมาถามว่า วันนี้วันอะไร ตอบไปว่า วันศุกร์ หลายสอบวันอาทิตย์ วันจันทร์คงมาหา ห้องประคับประคองก็ยังไม่ได้ นึกว่าจะได้ย้ายห้องในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ก็ไม่

จนถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 หลานกลับมาหาปู่ พ่อมีอาการเหมือนหลับ ได้แต่บอกว่า หลานสอบเสร็จ กลับมาหาปู่แล้ว มาอยู่กับหลานนะ แต่พ่อคงจะเหนื่อยเกินไป

เราควรจะเสียใจนานแค่ไหน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เงินค่าจัดการศพผู้สูงอายุ

เพจคนพอชอ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.